1 2 3 4

ทนายคดีลักทรัพย์

                                        คดีลักทรัพย์

               คดีลักทรัพย์หรือ ความผิดฐานเป็นขโมย  เป็นไปตามกฎหมายอาญา มาตรา 334  ที่ว่า  ผู้ใดเอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย โดยมีเจตนาทุจริต  ดังนั้นการลักทรัพย์  ต้องมีการกระทำดังนี้

              1  การเอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไป  การเอาไปคือ การทำให้ทรัพย์เคลื่อนที่ไป  มีความมุ่งหวังที่ตัดกรรมสิทธิ์ของเจ้าของทรัพย์  เอาไปเป็นประโยชน์ของตน  เช่น  การขับรถหรือเข็นรถของคนอื่นไป   การหยิบของออกจากร้านค้าหรือจากบ้านของคนอื่น  โดยเจ้าของไม่ยินยอม   การที่พนักงานเอาเงินที่ต้องส่งบริษัทเป็นรายวันไป  การเอาไปต้องมุ่งหมายที่จะเอาประโยชน์จากทรัพย์นั้น  การเอาไปเพื่อทำลาย หรือไปทิ้ง  ย่อมไม่ผิดลักทรัพย์   

              2  สิ่งที่เอาไปต้องเป็นทรัพย์  นั้น  หมายถึงวัตถุมีรูปร่าง  ซึ่ง อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าหรือไม่ก็ได้  ดังนั้น  กระแสไฟฟ้าที่เดินมาตามสาย  เป็นสสารซึ่งมีรูปร่าง  การลักกระแสไฟฟ้าจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์  แต่หากไม่ใช่วัตถุมีรูปร่าง  เช่น  การจูนเอาคลื่นโทรศัพท์มือถือในอากาศไป  หรือ การคัดลอกข้อมูล ดูดข้อมูลผู้อื่นไปย่อมไม่ผิดลักทรัพย์  ( ฎีกาที่ 5161/2547 ) การคัดลอก ดูด เอาคริปโตเคอเรนซึ่ ของผู้อื่นไป  ไม่น่าจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์  เพราะเงินสกุลดิจิตอล เป็นข้อมูล  ไม่ใช่วัตถุมีรูปร่างที่อาจลักไปได้

             3  ทรัพย์ที่เอาไปต้องเป็นทรัพย์ของผู้อื่น  หรือที่ผู้อืนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย  หากเป็นทรัพย์ที่ตนเองเอาไปจำนำไว้  แล้วไปเอาคืนมา ย่อมไม่ผิดลักทรัพย์

            4  ต้องมีการเอาทรัพย์ไปโดยเจตนาทุจริต

            5  ความผิดฐานลักทรัพย์  มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี  แต่หากเป็นกรณีต่อไปนี้  มีโทษจำคุก 1-5 ปี  เช่น

           5.1 ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน

           5.2 ลักทรัพย์ ในที่เกิดเพลิงไหม้ น้ำท่วม  หรือภัยพิบัติ

           5.3 ลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย

           5.4 ลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน

           5.5 ลักทรัพย์โดยมีอาวุธ

            5.6 ลักทรัพย์นายจ้าง

           5.7 ลักทรัพย์ พืชผลกสิกรรม

           5.8 ลักทรัพย์ในเคหสถาน

 

     ปรึกษาคดีลักทรัพย์เพิ่มเติม  โทร  0838843287